ยอมรับว่าเป็นรอง ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์ หลังจากโชว์ฟอร์มเพชฌฆาตต่อเนื่องสองไฟต์ไร้แพ้ปิดเกมไวคู่แข่งขันในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน

ยอมรับว่าเป็นรอง  ซึ่งจะจัดขึ้นที่ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม โดยเจอหน้านักสู้จอมเก๋าจากดินแดนปลาดิบ “The Sweeper” ทัตสึมิตสึ วาดะ ที่มีประสบการณ์ข้นคลั่กในกีฬานี้

“ช่วงแรกที่รู้ว่าจำต้องพบกับ ที่เป็นนักสู้ชั้นหนึ่งของรุ่น เห็นด้วยว่าผมก็มีกังวลใจอยู่บ้างนะครับ ผมด้อยกว่าเขาแน่นอนแม้กระนั้น นายเปรม (บุษราบวรวงษ์) ก็พูดว่าให้สู้ครับผม อย่าไปกลัว ส่วนทางด้านผู้ฝึกสอน MMA ดีเจ (แจ็กสัน) ก็ช่วยวิเคราะห์คู่ต่อสู้โดยชี้แนะว่าให้เลี่ยงเกมพื้นทวีป ด้วยเหตุว่าทักษะแล้วก็ประสบการณ์เขาแน่นกว่าผมเยอะ อย่าเอาตนเองไปอยู่ในจุดที่เสียเปรียบขอรับ” มวยไทย

ยอมรับว่าเป็นรอง

“เท่าที่ผมได้ดูไฟต์ของ ทัตสึมิตสึ ที่ผ่านมา เขาเป็นนักสู้ที่เก่งเกมพื้นทวีปมาก ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยต้องรักษาเกมยืนสู้ที่ผมถนัดให้ได้นานที่สุด มีความรู้สึกว่าน่าจะขี่เขาอยู่นิดหน่อย ถ้าหากเขาจะชวนเล่นเกมนอนเมื่อใด ผมจะต้องหนีเขาให้ได้ ต้องดิ้นให้หลุดครับ อาวุธหลักของผมจะย้ำไปที่หมัดเป็นพิเศษเลย หลีกเลี่ยงการเตะพร่ำเพรื่อ เพราะถ้าหากเตะไม่โดนหรือเปล่าถูกจังหวะ ก็มีสิทธิ์ที่เขาจะเข้ามาจับเอาผมลงพื้นได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะครับ”

แม้ว่าประสบการณ์บนสังเวียนของ คิดเป็นเพียง 1 ใน 4 ของที่มีมากถึง 36 ไฟต์ แถมคู่แข่งจากแดนซามูไรรายนี้เคยปะทะความสามารถ กับแชมป์โลกระดับตำนานอย่าง “ดิมิเทรียส จอห์นสัน” มาแล้ว แม้ว่าจะเจอกับแพ้แต่เขาก็สร้างความหงุดหงิดให้ ดิมิเทรียส ที่ปิดเกมไม่ได้ รวมทั้งยื้อกันไปจนจบเกม โน่นแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่หมูให้เชือด

ส่วนข้อดีที่เห็นชัดเจนเป็นเรื่องสภาพร่างกายของ ที่มีการต่อยเคลื่อนก่อนหน้านี้สองไฟต์ ในขณะที่ฝั่งนักสู้แดนอาทิตย์อุทัยร้างสังเวียนไปกว่า 10 เดือน เมื่อบวกกับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ทำให้ แลเห็นช่องทางที่จะกำชัยชนะในไฟต์นี้ได้เหมือนกัน

หรือชื่อจริง “ศรัณ อินตา” มีชื่อเล่นว่า ก๊อต เป็นคนจังหวัดพิจิตรโดยกำเนิด ปัจจุบันอายุ 29 ปี เริ่มฝึกฝนมวยไทยตั้งแต่อายุ 14 ปี ขึ้นตรงต่อค่ายแรกแล้วก็ค่ายเดียวจนถึงปัจจุบันเป็น “แฟร์เท็กซ์” เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี แต่ว่ากว่าที่ทางของเขาจะพลิกผันไปสู่วงการกีฬาการต่อสู้นั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้โดยง่าย ทุกสิ่งมันช่างทุลักทุเลประเภทที่ว่า เป็นผู้อื่นอาจจะยอมแพ้ไปแล้ว

ยอมรับว่าเป็นรอง

พ่อกับแม่ของเขาเป็นนายละอองแก้ว แล้วก็ นางบุญยงค์ อินตา มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง วันหนึ่งที่มองเห็นลูกชายโตขึ้นกระทั่งท่าทางพอเพียงจะช่วยงานได้ ก็เลยพาติดตามไปปฏิบัติงานด้วย จนกระทั่งสถานที่รับเหมาปัจจุบันซึ่งตั้งอยู่ใกล้ค่ายแฟร์เท็กซ์เดิม ที่ จังหวัดสมุทรปราการ เหมือนเส้นทางชะตาฟ้าลิขิต

“ผมผ่านค่ายแฟร์เท็กซ์แทบทุกวัน มองเข้าไปเห็นนักมวยฝึกกัน ผมตื่นเต้น ต้องการต่อยมวยบ้าง ก็เลยไปขอพ่อ ซึ่งพ่อก็ส่งเสริม เขาพาผมมาฝากเนื้อฝากตัว คราวแรกไม่มีผู้ใดพอใจเลย กระทั่งผ่านไปอีก 4-5 ครั้ง ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรับผม”

“เวลานี้เป็นท้อมากมายแล้ว จนกระทั่งครั้งที่ 6 พ่อบอกว่า นี่จะเป็นหนสุดท้ายแล้วนะ ถ้าเกิดเขายังไม่รับ ก็ตัดใจเถอะ ค่ารถค่าราที่พามามันไม่ใช่น้อยๆสำหรับแรงงานหาเช้ากินค่ำ แต่ว่าปรากฏว่าตอนนั้นเขารับผมนะครับ สุดท้ายเขาอาจจะมองเห็นถึงความพยายามรวมทั้งความมุ่งมั่นของผมกับพ่อ” ธุรกิจล้วนๆ

ยอมรับว่าเป็นรอง มาอาศัยกินนอนอยู่กับค่ายแฟร์เท็กซ์ตั้งแต่อายุ 14 ปี ฝึกฝนมวยอยู่ประมาณ 5 เดือน ก็มีไฟต์แรกเกิดขึ้น พร้อมค่าจ้าง 300 บาท เขาพาแม่ไปดูด้วย ปรากฏว่าแพ้ รวมทั้งได้แผลแตกกลับค่าย ทำให้แม่รวม ทั้งบิดามีปากเสียงกัน เพราะว่าแม่รังเกียจที่เขาชกมวย

แม่ของ ยอดไก่แก้ว เสียชีวิตแล้วเมื่อราว 10 ปีกลาย ส่วนบิดา ก็กลับมายอดเยี่ยมลูกชายที่ค่ายไม่กี่ครั้งจากนั้นก็ขาดการติดต่อและก็หายสูญไป ทำให้ครอบครัวของเขาในตอนนี้ เป็นญาติพี่น้อง ในค่ายแฟร์เท็กซ์ และก็ยึดมั่นอาชีพมวยเป็นชีวิตจิตใจ

มีพี่ชายแท้ๆหนึ่งคนชื่อ นายบัญญัติ เป็นพวกครอบครัว เพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ แต่โชคร้ายพี่ชาย ประสบอุบัติเหตุหนัก จนถึงทำให้แขนซ้ายใช้การไม่ได้ เขาก็เลยพาพี่ชายมาอยู่ที่ค่าย และก็รับผิดชอบ เลี้ยงดูจน ถึงปัจจุบันนี้

สามปีให้หลัง ในวัย 17 ปี ก้าวเท้าสู่เวทีใหญ่ในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการทั้งยังลุมพินีแล้วก็ราชดำเนิน ด้วยประสบการณ์ผ่านสังเวียนกว่า 100 ไฟต์ แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้แชมป์เส้นไหนมาถือครอง

เขาชกๆเลิกๆสลับกับการเป็นเทรนเนอร์ สอนมวยที่ ค่ายแฟร์เท็กซ์อยู่พักใหญ่ จนกระทั่งได้ร่วมการแข่งขันมวยรอบมวยไทยตัดเชือก รุ่น 64 กิโลกรัม ของเวทีแม็กซ์มวยไทย ในปี 2559 รวมทั้งโน่นเป็นเข็มขัดแชมป์เส้นแรกในชีวิตที่เขาได้รับพร้อมเงินรางวัลร่วมครึ่งแสน

สองปีให้หลัง ร้างเวทีไปนาน เพราะไม่มีรายการ จึงผันตัวไป ป็นผู้ฝึกสอนสอนมวยเพียงอย่างเดียว และเริ่มศึกษาศิลป์การต่อสู้ แบบผสม เพื่อค้นหาแนวทางใหม่ๆใน การพัฒนาและก็ท้าขีด ความสามารถ ของตนเอง

ทุกวันนี้ เป็นหนึ่งในโค้ชประจำตัวของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ยอดหญิงแข็งร่วมค่าย แล้วก็เป็นตัวแม่นักกีฬา ต่อสู้ยืนหนึ่ง ประเทศไทย

“เปรม บุษราบวรวงษ์” ผู้บริหารค่ายแฟร์เท็กซ์เห็นแววทักษะการต่อสู้แบบผสมผสานของ ก็เลยออกปากชวนให้ขึ้นสังเวียน Full Metal Dojo (FMD) ก่อนที่จะผ่านไปทดลองความสามารถในรายการใหญ่ของจีน สั่งสมประสบการณ์แข่งขันจริง เก็บสถิติมาได้ 6 ไฟต์ ชนะ 4 แพ้ 2 ก่อนที่จะถึงปากกาเซ็นสัญญากับ วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะนักสู้ตัวแทนประเทศไทย